วันพุธที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560

Review Dell XPS 9250

Dell XPS 9250
               จริงๆโปรเจคนี้ได้มาแบบไม่ตั้งใจคือตอนแรกตั้งใจว่าจะมาซื้อมาวาดรูปแทนiPadProเพราะดูไม่น่าจะชนะประมูล แต่iPadดันชนะประมูลแล้วเจ้าตัว9250ก็กดสั่งไปแล้วเลยต้องจำใจใช้มันทั้งคู่

               เจ้าตัว9250ที่ได้มาเป็นเครื่องนอกจากUSโดยจะบอกว่าเป็นlaptopหรือnotebookก็พูดได้ไม่เต็มปากจะบอกเป็นtabletก็ไม่ได้ เอาเป็นว่ามันเป็นลูกครึ่งละกัน โดยสเปกที่ได้มาก็ไม่ธรรมดา คือจอ4K และconnector 2ช่องแบบthunderbolts 3.0 บอดี้แมกนีเซียมcoating soft touchingผิวสัมผัสจะออกเป็นกึ่งๆยางจับแน่นไม่ลื่นหลุดมือ คีย์บอร์ดเป็นแบบlaptopไม่ใช่แบบบางเบาแบบtabletมีไฟ ดูสเปกเต็มๆดีกว่า
               CPU CoreM5-6Y54
               GPU Intel HD 515
               Ram 8GB
               SSD 128GB
               Display 12.5 4K Multitouch 
               Camera 5MP(F),8MP(R)
               Connection USB C(Thunderbolt 3.0) x2, Micro SD Card, Jack3.5mm
               Network Intel Wireless AC8260 WiFi, Bluetooth 4.1
               OS Windows 10Home
               Battery 3Cell
สเปกที่ว่ามาก็ถือว่าไม่ธรรมดานะ ถ้าเน้นใช้งานทั่วไปพกพาไปได้ทุกที่ เน้นพรีเซนงานหรือจดโน๊ตเป็นหลัก เพราะถ้าเน้นไปProcessใหญ่ๆหนักๆยังไงก็สู้พวกCore Iไม่ได้ เออรุ่นนี้มีmodelแฝดกับlatitude 7275ที่ทุกอย่างเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วแตกต่างกันแค่CPU,OS,และCellular โดย7275จะใช้CPUเร็วกว่านิดนึงและOS10Proส่วนภาคCellมีให้เลือกเป็นOptionเสริม

               การออกแบบตัวเครื่อง

แยกร่างได้


ชาร์จไฟผ่านUSB Cแต่ต้องใช้ที่ชาร์จแบบแรงดันไฟ20V 30Wขึ้นไปไม่งั้นชาร์จไม่เข้า

โดยส่วนตัวผมชอบนะการออกแบบอย่างนี้เหลี่ยมๆง่ายๆไม่ต้องมีลูกเล่นเยอะ

               เคสที่มาพร้อมเครื่องเป็นกำมะหยี่ภายในเหมือนจะเป็นวัสดุกึ่งยางลื่นๆแล้วภายในเป็นแม่เหล็ก เกาะติดเครื่องได้เลยขอบอกว่าเกือบดีเพราะแม่เหล็กที่มีมาแรงยึดเกาะไม่เบาก็จริง แต่ก็ไม่แรงพอที่จะจับอยู่แบบไม่ขยับเขยื้อน 


ไฟBacklitสว่างเพียงพอสำหรับการใช้งานในที่มืด


               ประสิทธิภาพเครื่องโดยการtestกับapp benchmarkยอดนิยมอย่างAntutuก็ได้คะแนนไม่น้อยที่193199คะแนน โดยCPUนี่คะแนนแรงมาก89395แรงมาก แต่คะแนน3Dนี่ยังแค่เอาตัวรอดได้27725ทั้งนี้ที่คะแนน3Dได้น้อยน่าจะมาจากจอ4Kด้วย

               ส่วนการใช้งานดูหนังนั้นโดยส่วนตัวผมชอบดูหนังผ่าน9250มากกว่าiPadProเพราะอาจจะขนาดสัดส่วนหน้าจอที่เป็นแบบ16:9ที่คุ้นเคยเหลือขอบดำข้อนข้างน้อยกว่า แล้วจอตัวนี้ผู้ผลิตคือSharpสีจอบอกได้ว่าถูกจริตผมในการดูหนังดูรูปมากกว่าจอiPadPro12.9ที่ใช้วาดรูปอีก แต่เรื่องการดูหนัง4Kจริงๆใน9250นั้นผมไม่รู้ว่าต้องดูผ่านappอะไรภาพและเสียงถึงจะไม่มีปัญหาเพราะappบางตัวภาพลื่นแต่เสียงเน่าบางตัวภาพเน่าเสียงดีเลยยังไม่มีโอกาสได้จริงจังกับการดู4Kใน9250 แต่ถ้าเป็นFHDนี่ดูบนจอ4Kในขนาดจอ12.5นี่มันคมชัดกว่าจอ40นิ้วปกติทั่วไปแบบเทียบไม่ได้เลย แล้วคราวนี้มาในส่วนที่ผมใช้งานtabletบ่อยสุดคือการอ่านE-book,PDFหรือการ์ตูน 

edge ของMicrosoftใช้งานได้ดีแต่ยังไม่สุดกับการใช้งานแบบtouchscreen 

               การอ่านE-book,PDFหรือแม้แต่การอ่านการ์ตูนบนจอ9250ถือว่าคมชัดเพราะอานิสงส์4Kแต่การอ่านการ์ตูนบนสัดส่วนจอ16:9ถ้าเทียบกับสัดส่วน4:3ในiPadPro12.9แล้วiPadอ่านสบายตากว่า แต่ถ้าอ่านพวกเอกสารหรือบทความที่มีแต่ตัวอักษรหนังสือ ผมกลับชอบที่จะอ่านบน9250มากกว่าในiPad

อ่านการ์ตูนเทียบกับiPad

               การใช้งานแบบtabletของwin10นั้นค่อนข้างที่จะบรรลัยทั้งช้าและกระตุกแต่ในmode desktopกับลื่นซะหัวแตกแถมการRotationจอก็เดียวใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ในMicrosoft storeมีappที่ค่อนข้างครบเมื่อเทียบกับAndroid และiOSแต่เรื่องคุณภาพappยังคงเป็นรองอยู่ แต่ก็มีข้อดีที่ระบบต่างๆของwin10นั้นค่อนข้างยืดหยุ่นในการลงโปรแกรมต่างๆ การเชื่อต่ออุปกรณ์อื่นที่ค่อนข้างจะมีปัญหาน้อยเหมาะแก่การใช้งานด้านpresentationแต่ทั้งนี้ก็ต้องมีadapterแปลงจากUSB Cไปเป็นUSBแบบปกติเสียก่อนเพราะรุ่นนี้ใส่มาแค่USB CแบบThunderbolt3มา2ช่องเลย การใช้งานทั่วไปแบตเตอรี่อยู่ได้ค่อนข้างนานคือ6-8ชั่วโมงครับถือว่านานเอาเรื่อง อุณหภูมิตัวเครื่องขณะจับถือนั้นรู้สึกถึงความอุ่นที่ทะลุผ่านเคสมาเลยทีเดียวแต่ก็ไม่ได้ร้อนแถมความเร็วไม่ตกด้วย จริงๆiPadProที่ใช้อยู่ก็ร้อนพอๆกันนะแต่การวางLayout CPUภายในเครื่องAppleทำได้ดีกว่าโดยส่วนที่ร้อนนั้นอยู่ในจุดที่คนทั่วไปจับไม่โดน ส่วนเรื่องที่น่าติเลยก็คือระบบsecurityนั้นไม่มีFingerprint Readerมาให้ คือเครื่องระดับนี้มันควรจะมีมาให้แล้วนะ


เทียบขนาดจอระหว่างDell 12.5อัตราส่วน16:9 กับ Apple 12.9อัตราส่วน4:3

               สรุป ผมว่าXPS9250เครื่องนี้เหมาะกับสายentertainmentที่ต้องทำงานแบบเดินทางบ่อยไปด้วย เหมาะแก่การpresentationจดบันทึก แม้จะentertainsสู้iPadไม่ได้แต่การใช้งานทั่วไปและการเชื่อมต่อwin10ยังได้เปรียบtabletของAppleและAndroidแน่นอน

               ข้อดี
               1จอ4Kสวยแจ่ม
               2วัสดุแข็งแรงงานประกอบดี
               3ลำโพงดังเสียงดี
               4ความยืดหยุ่นในการใช้งานของwin10
               5Thunderbolt3มีมา2ช่อง
               6แบตที่อยู่ทนนานต่อการใช้งาน

               ข้อเสีย
               1อุณหภูมิสูงไปหน่อย
               2เคสผ้าแม่เหล็กที่อ่อนแรง
               3เป็นUSB Cถึง2ช่องต้องหาadapterแปลงเป็นUSBธรรมดา
               4ไม่มีFingerprint Reader





วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

Review iPad Pro12.9 G2

Review iPad Pro12.9 G2(จากผู้ไม่เคยใช้apple)

            ขอบอกก่อนว่านี่คือสินค้าจากappleชิ้นแรกที่ได้ซื้อมาใช้เองอาจreviewได้ไม่เต็มที่เพราะเพิ่งเคยใช้เอาเป็นว่าความรู้สึกของผู้ที่ไม่เคยใช้ ใช้แล้วเป็นยังไงดีกว่า



                 เครื่องที่ผมได้มานี่คือเครื่องอเมริกาได้มาในราคาที่ถูกกว่าเครื่องไทยออกศูนย์พอสมควร+กับความอยากได้iPad Proตัว12.9ตั้งแต่รุ่นแรกเพราะอยากได้เอามาวาดรูป แต่ตอนนั้นไม่ได้ซื้อเพราะไม่มีตัง555 โดยตอนแรกหลังแกะกล่องเปิดเครื่องก็พบความวุ่นวายในการเชื่อมต่อที่ต้องบังคับให้ต่อwifiทันทีโดยที่skipขั้นตอนนั้นไม่ได้แบบพวกAndroid os พอเข้าหน้าhome screenแล้วก็ยังคงเป็นiOS style ที่ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่iPhoneรุ่นแรกจนถึงตอนนี้

รูปประกอบอาจไม่ตรงค่าเริ่มต้น

                   หลังจากsetup Apple ID ผ่านwifiเสร็จแล้วโดยการที่ผมไม่ได้ต่อผ่านiTunesผ่านคอม ประจวบกับเพิ่งupdate iOS 11.1.1ถึงขั้นงานเข้าเลย เพราะคอมที่เอาไว้ใช้แค่โหลดหนังเพลงและทำงานเอกสารนิดหน่อยนั้นยังเป็นwindows vista 32bitเลยทำให้เชื่อมต่อกับiTunesผ่านคอมไม่ได้เพราะiOS 11บังคับให้ใช้เป็น64bitเท่านั้น ทีนี่ลำบากเครื่องคอมเพื่อนที่ต้องยืมลงiTunesแล้วต้องพาลพบปัญหาของคนที่ไม่ได้ศึกษาระบบiOSเช่นผมคือมันจับเพลงหนังรูปโยนเข้าtabletโดยตรงไม่ได้แบบพวกandroidต้องแบ่งแยกเป็นหมวดอีก หนังลงผ่านiTunesได้แค่ตระกูลmp4ส่วนพวกหนังmkvพวกFullHD,4K นี่ลงผ่านiTunesโดยตรงไม่ได้ แต่ตรงนี้ลงผ่านโปรแกรมitoolsได้ง่ายกว่า แต่ตัวitoolsก็มีหลายเวอร์ชั่นและส่วนมากเป็นภาษาจีนแล้วหาโหลดยากพอตัว

                    เมื่อผ่านพ้นความยุ่งยากทั้งปวงที่ผ่านมาก่อนหน้านี้หลังจากนี้จะเป็นอะไรที่โคตรจะถูกใจผมโดยเฉพาะappที่มากะเครื่องอย่างiBook 



                   เพราะส่วนตัวเป็นคนอ่านหนังสือเยอะแล้วมีfileหนังสือเป็นพวกpdfเยอะมาก แล้วตัวiBookก็โหลดได้ไวแล้วมีการจดจำหน้าที่เราอ่านไว้ไม่ว่าจะอ่านไปหลาย10เล่มกลับไปเปิดเล่มแรกก็ยังจดจำหน้าที่อ่านไว้ได้โดยไม่มีอาการรอโหลดหรือคืนค่ากลับไปหน้าแรก อันนี้คือดีงามพระราม8ได้ใจมากดีกว่าของandroidเยอะ
                   ต่อมาเรื่องกล้องที่ดีสุดๆสำหรับtabletในตอนนี้อาจจะดีสุดในท้องตลาดด้วย รายละเอียดภาพความคมอะไรอาจไม่มากแต่ยกแล้วถ่ายเลยคุณภาพที่เอาไว้ดูแค่ฉาบฉวยลงIG,Facebookหรือpantipก็สวยงามเพียงพอต่อการใช้งาน การวัดแสงอะไรต่างๆถือว่าดีแต่มาตายตรงที่ไม่มีmanualบังคับautoอย่างเดียว


รูปตัวอย่างแบบยกถ่าย

                   ถัดมาapp notesที่มากะเครื่องถือว่าแจ่มเป็ดพอตัววาดได้เขียนได้แม้จะมีtoolsให้เลือกไม่มากแต่ก็เพียงพอสำหรับการเริ่มต้นหรือฉาบฉวยแบบคุณภาพดี
วาดโดยใช้นิ้ววาดยังไม่ได้ซื้อapple pencil

                   การว้าวกับappsที่มากับเครื่องหมดลงทีนี้ก็มาวุ่นวายกับระบบดู โดยส่วนตัวไม่รู้ว่าiOS 10กับ11ต่างกันขนาดไหนแต่จะขอเทียบกับการใช้Android osว่าการใช้multitaskหรือเปิดหลายๆโปรแกรมร่วมกันนั้นiOS โหดมากจัดการได้เปิดเกมเปิดหนังดูเวปหรือappsอื่นๆสลับไปๆมาๆได้โดยที่appsเหล่านั้นไม่คืนค่าเริ่มต้นต้องโหลดใหม่ ถือว่าจัดการกับระบบได้ดีมากขนาดแค่ram4gbถือว่าเริ่มน้อยสำหรับandroid osแต่ได้ประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็แอบมีปัญหาบ้างในการใช้appsแบ่ง2หน้าจอ คือถ้าappsที่มากะเครื่องโดยตรงนั้นปัญหาไม่มีแบ่งหน้าจอได้สวยงามแต่ถ้าเป็นappsที่ต้องโหลดเพิ่มจากAppStore บางตัวแบ่งหน้าจอไม่ได้หรือบางทีแบ่งได้แต่จะพอจะปิดอีกฝั่งดันต้องกลับไปหน้าhomeเลยปิดแบบหน้าใดหน้าหนึ่งไม่ได้
Appsที่มากะเครื่องแบ่งหน้าจอได้สวยงามเต็มหน้าปิดอีกหน้าแค่เลื่อนเข้าด้านข้าง

ส่วนappsที่โหลดเพิ่มบางครั้งยังไม่รองรับแบบการแบ่ง2หน้าจอแบบเต็มที่มีerrorบ้าง

                   เรื่องการดูหนังหรือเล่นเกมนี่บอกเลยลื่นๆสบายๆ4Kก็ไหวเหลือๆแต่จอที่มากับอัตราส่วน4:3(หรือเปล่า)บางครั้งหนังบางเรื่องที่มีอัตราส่วนแบบ16:9ก็เหลือขอบดำเยอะเหมือนกัน การเล่นเกมบางครั้งจำพวกเกมที่ต้องบังคับตลอดเวลาจำพวกmoba,actionจำพวกRoVนี่ลำบากหน่อยเพราะจอที่ใหญ่และน้ำหนักที่เยอะ แต่ถ้าเกมไหนต่อจอยBluetoothก็สบายไปได้จอใหญ่แรงลื่นถึงกับฟินกันเลยทีเดียว


ขอบดำบนล่างถ้าตัดcontrol barออกยิ่งเหลือเยอะ(แต่อันนี้รับได้)


ส่วนเกมจอใหญ่เต็มตาแต่อาจไม่คุ้นกับขนาดอัตราส่วนแบบนี้บ้าง

                   ส่วนหนังพวกmkvต้องอาศัยappsที่โหลดในAppStoreเพราะapp videosที่มากะเครื่องลงผ่านiTunesตรงๆไม่ได้ ถือว่าเป็นจุดที่หน้าหงุดหงิดเพราะiPadมีประสิทธิภาพสูงน่าจะทำให้รองรับfile mkvหรือนามสกุลอื่นๆไปเลยโดยที่ไม่ต้องไปโหลดappsมาเพิ่ม แต่ที่อาจไม่ใส่มาเพราะอาจจะมีเหตุผลทางการตลาดก็เป็นได้

หนังพวกmkvต้องใช้appsที่ต้องโหลดเพิ่มอาจมีerrorบ้างบางครั้ง

                   การจดบันทึกหรือการเขียนemailด้วยเสียงก็ทำได้ดีผิดพลาดน้อยถ้าอยู่ในที่เงียบฟังสำเนียงได้หลากหลายขึ้น หรือแม้แต่ตัวช่วยสะกดคำล่วงหน้าก็คาดเดาได้แม่นขึ้นแถมสามารถทำได้เป็นประโยคไม่ใช่เป็นแค่คำๆ

แม่นยำราวๆ80-90%

                   ส่วนเรื่องการจับสัญญาณWi-Fiถือว่าทำได้แม่นยำไม่หลุดทำได้ดีระดับlaptopตัวแพงๆ ช่องหูฟัง3.5ยังมีมาให้ แต่contacts3ขาด้านซ้ายของเครื่องมีอุปกรณ์อะไรต่อเสริมได้นอกsmart keyboardของapple หรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบ ส่วนช่องlighting portใต้เครื่องใช้สายชาร์จร่วมกับiPhone,iPadsตัวอื่นๆได้ปกติแถมiPad proรุ่นนี้รองรับการชาร์จเร็วมาตรฐานPD2.0แต่ที่ชาร์จที่แถมมาappleยังงกใส่แค่ตัวธรรมดา12wมาให้ส่วนอยากได้แบบPDต้องซื้อแยก พวกsmart keyboard,pencil และPD chargerของapple เป็นของที่ต้องซื้อแยกเองหมดทั้ง3อย่างนี้รวมราคาราวๆ11000-12000นิดๆ.....แค่คิดก็หมดตัวแล้ว ส่วนพวกเศส,กันรอยหน้าจอหาซื้อได้ทั่วไปมีตั้งแต่ถูกยันแพงหาซื้อง่าย

                   สรุปแล้วสำหรับคนที่คิดจะซื้อมาเล่นเกมหรือเอ็นเตอร์เทนอย่างเดียวผมมองว่าแพงไปiPadตัวธรรมดาปี2017ก็ใช้งานได้ถ้าคิดจะเปลี่ยนแบบปีต่อปีแต่ถ้ากะจะใช้3ปีเปลี่ยนก็ถือว่าคุ้มความแรงมันถือว่าไม่แพ้laptopแค่appมันคนละงานเท่านั้น ความยุ่งยากในการโอนfileสู่คอมที่ต้องแบ่งหมวดหมู่จะทำให้คุณมีความเป็นระเบียบขึ้นมาอีกนิดนึง สำหรับสายวาดรูปผมมองว่าเป็นtabletที่ทำงานแบบstand aloneได้ดีที่สุดตอนนี้เลย ถ้าให้เทียบกับWacom cintiqคงไม่ไหว แต่iPad proตัวนี้พกพาง่ายวาดที่ไหนก็ได้แล้วไม่ต้องต่อคอมแบบcintiqถือว่าได้อย่างเสียอย่างน่ะ ส่วนถ้าวาดรูปแนะนำว่าติดฟีมกันรอยดีกว่าคิดกระจกครับ แต่ถ้าเน้นจดโน๊ตตัว10.5น่าจะดีกว่าหนักน้อยกว่า แล้วถ้าซื้อทั้งทีควรซื้อตัว256gbขึ้นไปครับ เพราะเดียวนี้appเวลาupdateทีใช้พื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ64gbน่าจะเริ่มลำบากแล้ว

                   ข้อดี
                         จอใหญ่
                         วาดรูปตามนิ้วตามปากกามาก
                         เครื่องแรง
                         เสียงดี
                         แบตเตอรี่อยู่ได้นานพอตัว
                         กล้องดี
                   ข้อเสีย
                         หนัก
                         อุปกรณ์ขายแยกแพง
                         เชื่อมต่อยุ่งยาก
                         ตัวเครื่องที่ดูไม่แข็งแรง(ส่วนตัว)                         











วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ชีวประวัติบุคคลไกเซอร์แห่งเยอรมัน(วัยเด็ก)

ชีวประวัติบุคคลไกเซอร์แห่งเยอรมัน(วัยเด็ก)

ความพิการไม่อาจหยุดยั้งความทะเยอทะยานและนำพาเยอรมันเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่1
Kaiser Wilhelm II(Friedrich Wilhelm Viktor Albert von Preußen)
เริ่มต้นไม่สวยตั้งแต่เกิด หลังจากเกิดไม่กี่วันแขนซ้ายก็ใช้งานไม่ได้ ต่อด้วยค้นพบว่านั่งเองไม่ได้เพราะกล้ามเนื้อลำคอและเส้นเอ็นฉีกขาดจากการใช้คีมคีบช่วยทำคลอด หูข้างขวาติดเชื้อทำลายเนื้อเยื่อหูด้านในทำให้ไม่ได้ยิน
ความทรมานในการรักษา ในสมัยที่วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ยังไม่เจริญนั้น วิลลี่(ไกเซอร์ วิลเฮมล์ ที่2)ในวัยเด็กต้องโดนมัดแขนขวาแนบชิดลำตัวเพื่อบังคับให้ใช้แขนซ้าย เมื่อไม่เป็นผลจึงเปลี่ยนเป็นการชอร์ตด้วยไฟฟ้า เมื่ออายุได้4ขวบถูกจับมัดกับเก้าอี้เหล็กวันละ1ชั่วโมงแล้วดึงแขนซ้ายให้ยืดออกให้เท่าแขนขวา(แขนซ้ายสั้นกว่าแขนขวา5นิ้วมือข้างซ้ายมีความใหญ่แค่ครึ่งเดียวของข้างขวา)แต่ทว่าไม่เป็นผล วิลลีได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับการรักษาไว้ว่าสิ่งที่ฉันได้รับ ควรเรียกว่าเป็นผลงานของมือสมัครเล่น ทั้งไม่ได้ผลและทรมานสุดแสนสาหัดด้วยความไม่เจริญทางด้านการแพทย์สมัยนั้นไม่มีใครได้ทันสังเกตุว่าวิลลี่สมาธิสั้น ซึ่งกลายมาเป็นปัญหาเมื่อเขาโตขึ้น ความแปรปรวนทางอารมณ์ของวิลลี่ไม่ได้รับความดูแล ไม่ได้รับความรักจากมารดาเพราะเขาพิการ
การศึกษาเมื่ออายุ7ขวบวิลลี่ได้รับการศึกษาที่เข็มงวดจากครูผู้ไร้อารมณ์และคำชม เกออร์ ฮินซ์เพเทอร์ วิลลี่ได้บันทึกไว้ว่าการเรียนที่ไม่สนุกไร้อารมณ์คือการเริ่มต้นที่ผิดพลาดแต่วิลลี่ก็ผ่านการเรียนมาได้อย่างดีหัวไวความจำดีทักษะด้านภาษาเป็นเลิศ แต่สำหรับเจ้าชายการเรียนแค่ในห้องไม่พอ วิลลี่มีปัญหากับกีฬาแทบทุกประเภทจากแขนซ้ายที่ลีบเล็กและหูข้างขวาที่ไม่ได้ยิน แต่ปัญหาใหญ่สุดที่วิลลี่ต้องเจอคือขี่ม้า เป็นที่ยอมรับไม่ได้ถ้าองค์ไกเซอร์ในอนาคตจะขี่ม้านำขบวนสวนสนามหรือออกรบไม่ได้สำหรับกองทัพที่เกรียงไกรที่สุดสำหรับยุโรปในสมัยนั้น จากบันทึกของฮินซ์เพเทอร์กล่าวไว้ว่าไม่มีอะไรหดหู่ไปกว่าการเห็นเด็กอ้อนวอนร้องขอให้หยุดนำเขาขึ้นหลังม้า เพราะทุกครั้งที่ขึ้นแล้วม้าเดินเขาแทบจะตกทันที แต่ทว่าองค์ไกเซอร์ก็ผ่านการหาสมดุลขี่ม้าผ่านไปได้ เมื่อวิลลี่อายุได้18ปี ปัญญาจากอาการสมาธิสั้นเริ่มออกผลชัด เขาเบื่อง่าย สนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งทุ่มเทจริงจัง และก็ทิ้งไปอย่างไม่ใยดีในอีกไม่กี่วัน และเมื่อตกอยู่ในกลุ่มผู้ที่ยกยอปอปั้นทำให้เขาเชื่อว่าตนฉลาดเกินกว่าความเป็นจริง และเมื่อเวลาผ่านไปวิลลี่ยิ่งก้าวร้าวขึ้น ไม่ฟังความเห็นต่างใดๆ ขลุกอยู่แต่กับเพื่อนชนชั้นสูงหยามหมิ่นผู้ที่ด้อยกว่าตนอวดศักดาและเคร่งศาสนา

To be continued



วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

Brochure Casio G-SHOCK Japan

Brochure Casio G-SHOCK(หายไปขายข้าวมันไก่หาตังแปป)

         ก่อนผมไปญี่ปุ่นมีรุ่นน้องคนนึงขอร้องผมไว้ว่า"พี่ ผมรบกวนพี่เอาพวกBrochureกล้องนาฬิกาComอะไรก็ได้ที่ญี่ปุ่นที่มันแจงฟรีมาให้ผมหน่อย ของฝากอย่างอื่นไม่ต้อง" ผมก็ตอบตกลงไปเพราะมันว่าต่อไปของพวกนี้มันขายได้ผ่านทางEbay(ซึ่งไม่รู้ว่าอีกกี่ปี?- -)
         ก่อนจะให้มันเลยขอเอามาลงให้คนอื่นได้ดูด้วยละกันว่ามันเป็นยังไงแตกต่างจากของเมืองไทยไหม บอกเลยว่ามีแต่รูปล้วนๆใคร3Gไม่มากก็Wifiนะ
         คราวนี้เป็นทีของนาฬิกาG-SHOCKบ้าง