วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559

หลังดูTrain to Busan(เพิ่งได้ดู มันจะออกโรงอยู่ละ)

หลังดูTrain to Busan

....เคยอ่านในpantip"ดีสนุกมากเป็นหนังซอมบี้ที่ดีที่สุดในรอบ10ปี...."


....
....
แม่งอวยกันเกินไปป่าววะครับ ผมว่าแม่งเทียบไม่ติดกับWWZในการกดดันหรือลุ้นเอาตัวรอดเลย แถมดราม่าแบบเกาหลีที่มากเกินเรื่องดราม่ายังห่างไกลI am Legend
ตัวละครโคตรจะไม่สัมพันธ์กันเลย พ่อลูกก็ดูเหมือนคนแปลกหน้าต่อกัน ตัวละครตัวอื่นมัวยืนอ้ำๆอึ้งๆกันอยู่แทบทั้งเรื่อง คนท้องก็อึดเกินนนนส่วนผัวคนท้องอึดกว่า(ส่วนตัวชอบตัวนี้เกียร์มัวดี) ป้า2คนก็อะไรก็ไม่รู้ดราม่าป่วยมาก Soheeของวงwonder girl....ตัวประกอบชัดๆมีดีอย่างเดียวคือมาโชว์ขาสวยๆแค่นั้น แถมเนื้อเรื่องที่มาที่ไปก็ไม่มี
แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูสนุกสำหรับผมคือทีมพากย์หนัง ก็อย่างว่าตามสไตร์พันธมิตรฮาดี

ให้5.5/10 ที่ได้คะแนนต่ำกว่าที่คนอื่นให้กันเยอะๆอาจเป็นเพราะคาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะดีตามกองอวย และถ้าไม่เคยดูWWZกับIaLมาก็อาจจะได้คะแนนมากกว่านี้อีกนิด

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ความรู้สึกหลังดู Nerve

ความรู้สึกหลังดู Nerve




ถ้าผมอายุน้อยกว่านี้ซัก5-7ปีผมน่าจะดูแล้วตื่นเต้นหรือสนุกกว่านี้!!!

ตัวเรื่องหนังเนื้อหาข้อนข้างวัยรุ่นนะทันสมัยตรงกับสระแสสังคมSocialปัจจุบันดี ชิงดีชิงเด่นแม้กับเพื่อนตัวเองเพื่อเรียกคนดูอารมณ์ประมาณเราดูพวกLiveสดผ่านappดังๆในตอนนี้ คนดูเรียกร้องให้ทำไรคนเล่นหรือคนliveก็เลือกทำไม่ทำ ทำได้ตังไม่ทำถูกตัดออกแนวนี้.....เอาง่ายๆเหมือนเด็กวัยรุ่นไทยเมาถอดเสื้อโชว์นมในBigo(ใช่appนี้ป่าววะ) พอเป็นข่าวพอคิดได้ค่อยสำนึก!!! ส่วนคนดูอารมณ์คล้ายๆคนพวกชอบแชร์ดะบนเฟสแบบตัวอย่างเช่นที่เคยมีข่าวเรื่องคนที่โดนกล่าวหาว่าติดกล้องในรองเท้าในBTSคือแม่งไม่รู้เนื้อหาจริงๆไม่คิดวิเคราะห์กูแชร์กูด่ากูตัดสินมันไปละ พอแม่งความจริงเปิดเผยเนื้อหาจริงมาไอ้พวกนี้พร้อมเปลี่ยนด้านเป็นเห็นใจไอ้คนที่โดนด่าทันทีไม่ก็หายเงียบ....

หนังไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าที่ควร ไม่ใช่เนื้อเรื่องไม่ดีนะแต่ผมว่ามันถ่ายทอดได้ไม่สุด ที่มาที่ไปของเรื่องทำได้ไม่ดี แต่บอกตามตรงว่าความดีของหนังเรื่องนี้สำหรับผมคือEmma Roberts!!! น่ารักอ่ะชอบตั้งแต่art of getting byละ

ให้6/10ตามที่บอกถ้าผมวัยรุ่นกว่านี้หน่อยน่าจะชอบเรื่องนี้ได้(Emma Robertsคือดีย์)
 

                            น่ารักอ่ะมีตีนกาด้วย

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Review : Ben-Hur (2016)แบบใช้ความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ

Review : Ben-Hur (2016)



บ่นก่อน บ่งตงไม่เคยดูฉบับเวอร์ชั่นเก่าเลยไม่ขอยกเมฆเทียบละกัน
แม่งหนังโลกสวยตามแบบฉบับศาสนาคริสต์แท้ๆ "จงรักศัตรูเจ้า ความกลัว ความเคียดแค้นคือภาพมายาที่ทำให้เราฆ่ากันเอง" (มันน่าจะพูดงี้มั้งนะ ถ้าจำไม่ผิด) เนื้อเรื่อง เรื่อยๆมาเรียงๆเอาหัวพาดเตียงเอาขาพาดบ่า!!! เห้ยไม่ใช่ละ
มันเป็นการแสดงความรักระหว่างพี่น้องที่มีปมน้อยใจกันเองภายในครอบครัว  คนนึงก็โลกสวยเกินอีกคนก็ทะเยอทะยานเกิน ชิบหายแม่งสปอยร์หน่อยๆละนี่หว่า
แต่บอกเลยเนื้อเรื่องเอื่อยมากบางช่วงก็ตัดสั้นแบบช่วงที่เป็นทาสแม่งตัดสั้นมาก คือแม่งดาร์กแบบดาร์กไม่สุดอ่ะ ตอนโลกสวยก็สวยสุดๆตามแบบคำสอนของ"จีซัส ไครสต์" แต่ตอนกลับมาบรรลุแบบโลกความเป็นจริงทำได้ค่อนข้างดีนะแต่ตอนแม่งดาร์กแบบเคียดแค้นคือแม่งไม่สุดอ่ะ คือมึงควรจะลงลึกกว่านี้ป่าวว้า
เอาเป็นว่าไม่ถูกใจละกัน แต่ฉากช่วงที่ดีที่สุดของหนังที่จะทำให้ลืมความไม่สุดออกไปจากใจได้ทันทีคือช่วงแข่งรถม้า "โอ้วจอร์จ เราไม่เคยดูหนังที่ทำให้ใจเต้นตูมตามได้ขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้ว"
แต่นั่นแหละ!!! พอจบช่วงquarterที่3ของหนังแม่งกลับมาโลกสวยแบบดาร์กๆที่ไม่สุดแล้วการมีตัวประกอบของจีซัส ไครสต์เข้ามาทำให้ดูเวิ่นเว้อ+ปาฏิหาริย์เข้าไปอยู่ช่วงนึง......

สรุปมันคือหนังครอบครัวตีกันแบบที่ไม่มีใครชั่วโดยเจตนา ที่โลกสวยสุดๆปนดาร์กป่วยๆกับคำสอนของศาสนาคริสต์ที่มีวาทะเด็ดๆแทบทั้งเรื่องกับActionรถม้าแบบสุดเร้าใจยิ่งกว่าCivilWar
ให้คะแนนเลย 7.5/10